​“น้ำตาล-สินค้า” ถอยกลับจุดเดิม

img

ช่วงปลายเดือน ต.ค.2566 ที่ผ่านมา มีข่าวหลุดออกมาว่า จะมีการปรับขึ้นราคา “น้ำตาลทราย” หน้าโรงงาน “กิโลกรัม (กก.) ละ 4 บาท” ออกสู่สาธารณชน
         
ทำให้ “เกิดความแตกตื่น” ว่าเป็น “ข่าวจริง” หรือไม่
         
จนกระทั่งวันศุกร์ที่ 27 ต.ค.2566 ช่วงกลางคืน “สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.)” กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ออกประกาศ “เรื่อง ราคาน้ำตาลทรายภายในราชอาณาจักร เพื่อใช้ประกอบในการคำนวณราคาอ้อยและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทราย ประจำฤดูการผลิตปี 2566/2567 ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม” เพื่อสยบ “ข่าวลือ”  และ “ยืนยัน” ว่า น้ำตาลทรายมีการ “ปรับขึ้นราคา” จริง
         
ทั้งนี้ ได้กำหนด “ราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงานใหม่” ดังนี้ 1.น้ำตาลทรายขาว จากเดิม กก. ละ 19 บาท เป็น กก.ละ 23 บาท 2.น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ จากเดิม กก.ละ 20 บาท เป็น กก.ละ 24 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค.2566 เป็นต้นไป
         
ผลจากประกาศฉบับนี้ ทำให้ “ราคาขายปลีก” เพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดย “น้ำตาลทรายขาว” เพิ่มเป็น กก.ละ 28 บาท และ “น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์” เพิ่มเป็น กก.ละ 29 บาททันที โดยราคาในพื้นที่ห่างไกล จะสูงกว่านี้ เพราะขึ้นกับระยะทางการขนส่ง  
         
แต่หลังจากที่ สอน.ประกาศขึ้นราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงาน “กระทรวงพาณิชย์” โดย “นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์” ได้ประชุมร่วม “นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์” และ “นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน” ช่วงกลางดึกคืนวันศุกร์ทันที
         
ได้ข้อสรุปว่าให้เรียกประชุม “คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.)” เป็นการเร่งด่วนในวันจันทร์ที่ 30 ต.ค.2566
         


ผลการประชุม มีมติให้นำ “น้ำตาลทราย” กลับเป็น “สินค้าควบคุม” อีกครั้ง หลังจาก “ปลดไป” ตั้งแต่ปี 2562 พร้อมกำหนด “ราคาจำหน่ายหน้าโรงงาน” น้ำตาลทรายขาว กก.ละ 19 บาท น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ กก.ละ 20 บาท และควบคุม “ราคาจำหน่ายปลีก” กก.ละ 24 บาท สำหรับน้ำตาลทรายขาว และ กก.ละ 25 บาท สำหรับน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์
         
เท่ากับว่า น้ำตาลทรายจะกลับไป “ขายราคาเดิม” เหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
         
ทั้งนี้ ยังได้เพิ่มมาตรการควบคุม “การส่งออก” กำหนดตั้งแต่ 1 ตัน หรือ 1,000 กก. ขึ้นไป ต้องขออนุญาตก่อนส่งออก
         
พูดได้ว่า “เสียงเชียร์” มาเต็ม เพราะหากขืนปล่อยไป มีหวัง “ค่าครองชีพพุ่ง” อีกบานตะไท เนื่องจากน้ำตาลทราย เป็น “วัตถุดิบ” ในการผลิตสินค้าที่เกี่ยวเนื่องมากมาย ทั้ง “อาหาร-เครื่องดื่ม-ขนมหวาน”  
         
ขณะที่ “พ่อค้า-แม่ค้า” หลายราย เริ่มออกมา “โวยวาย” และประกาศที่ “ปรับขึ้นราคา” ทันที หากน้ำตาลทรายขึ้นราคา
         
ไม่เพียงแค่นั้น หากปล่อยผ่าน ก็เท่ากับ “สวนทาง” นโยบายรัฐบาลที่ต้องการ “ลด” ภาระค่าครองชีพ  
         
หลังประชุม กกร. เสร็จ วันต่อมา “กระทรวงพาณิชย์” ได้เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 31 ต.ค.2566 และ ครม. ได้เห็นชอบตามที่เสนอ และมีการประกาศลง “ราชกิจจานุเบกษา” มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 พ.ย.2566
         
จากวันที่ 28 ต.ค.2566 ซึ่งเป็นวันที่ประกาศ สอน. มีผลบังคับใช้ จนถึงวันที่ กกร. นำน้ำตาลทรายบรรจุเป็นสินค้าควบคุม และ ครม. อนุมัติ จนประกาศลงราชกิจจานุเบกษาและบังคับใช้ในวันที่ 1 พ.ย.2566 ได้เกิดช่วง “สุญญากาศ” ราว ๆ 4 วัน ทำให้ “โรงงานน้ำตาลทราย” ไม่กล้าปล่อยของ เพราะไม่รู้จะยึดราคาของ สอน. หรือตามมติ กกร. ทำให้สินค้าเข้าสู่ตลาดลดลง จนทำให้มีปัญหา “ตึงตัว” ในบางพื้นที่ ผู้ใช้ไม่สามารถหาซื้อน้ำตาลทรายได้



ในวันที่ 2 พ.ย.2566 “กรมการค้าภายใน” ได้ออกมาย้ำว่า ทุกรายไม่ว่าจะเป็นใคร ทั้งโรงงาน พ่อค้าแม่ค้า ห้างค้าส่งค้าปลีก “ต้องขาย” น้ำตาลทรายใน “ราคาควบคุม” ใครฝ่าฝืน “มีโทษ” กรณีจำหน่ายสูงกว่าราคาที่กฎหมายกำหนด จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีจำหน่ายสินค้าราคาสูงเกินสมควร กักตุนสินค้า ประวิงการจำหน่าย และปฏิเสธการจำหน่าย มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
         
พร้อมกำชับ “พาณิชย์จังหวัด” ทั่วประเทศ ตรวจสอบสถานการณ์การจำหน่าย ทั้งในร้านค้า ตลาดสด ห้าง รวมทั้งตรวจสอบสต๊อกด้วย
         
ส่วนปัญหาการตึงตัว เพราะโรงงานน้ำตาลทรายไม่ปล่อยของ ได้ส่งสัญญาณถึง สอน. ให้ปรับปรุงประกาศราคาน้ำตาลทรายให้เป็นไปตามมติ กกร. จนกระทั่งช่วงค่ำ ๆ วันที่ 2 พ.ย.2566 สอน. ได้ออกประกาศกำหนดราคาน้ำตาลทรายออกมา และมีผลบังคับใช้ในวันเดียวกัน
         
เป็นการ “ปิดฉาก” ความไม่ชัดเจนเรื่องน้ำตาลทรายลงในทันที
         
นั่นหมายความว่า “น้ำตาลทราย” ได้ถอยกลับไป ณ จุดเดิมก่อนหน้านี้ และต้องขาย “ราคาเดิม” ใครที่ขึ้นไปแล้ว ก็ต้อง “ลดลงมา” ส่วนสินค้าที่ใช้น้ำตาลทรายเป็น “วัตถุดิบ” ใครที่อ้างต้นทุนขึ้นและขึ้นราคาไปแล้ว ก็ต้องกลับไปขายที่ราคาเดิมด้วย จะมาแอบอ้างมั่ว ๆ ไม่ได้
         
หากพ่อค้าแม่ค้ายัง “ดื้อดึง” ใช้เหตุผลน้ำตาลทราย “ปรับขึ้นราคา” โดยไม่ดูสถานการณ์ความเป็นจริง ไม่ดูตาม้าตาเรือ
         
ประชาชนผู้บริโภค ที่ได้รับความเดือดร้อน หาก “พบเจอ-พบเห็น” ที่ไหน ให้ “ชี้เป้า” และ “ร้องเรียน” ได้ที่ “สายด่วน 1569

รับรองได้เลย มี “จัดหนัก-จัดเต็ม” แน่นอน
         
พาณิชย์” เขายืนยันมาแล้ว ถ้าไม่เชื่อ ก็ลองดู
 
ซีเอ็นเอ

ติดตามข่าวสารแบบฉับไว
ส่งตรงถึงมือถือ คลิกเลย
ติดตามข่าวสารผ่าน Twitter
กดคลิก Follow ด้านล่าง